15 ตุลาคม 2552

masterungring

คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับผมกำลังพิมพ์คำว่า Masterungring "มาสเตอร์รุ่งริ่ง" ทำไม? นะเหรอ? ก็มันเป็นอย่างนี้ครับวันนี้ผมได้เข้าไป Website แห่งหนึ่ง แล้วพบกับคำถามเกี่ยวกับการทำ Master อีกแล้ว ไม่ผิดครับ ที่มีคนถาม และอีกเช่นกันครับไม่ผิดที่มีคนอยากรู้คำตอบ

แต่คำถามจากผู้ถามในกระทู้ถามถึงว่า Hardware กับ Software อย่างไหนดีกว่ากัน เพราะกำลังตัดสินใจซื้อ Hardware นั่นกำลังแสดงให้เห็นว่า เค้ายังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เค้าจะซื้อ มันต่างกันอย่างไร? นั่นกำลังบอกถึงประสพการณ์ด้านหนึ่งของการทำงาน ซึ่ง ผมไม่ได้บอกว่าเค้าไม่เก่ง หรือผมเก่งกว่า แต่ประเด็นที่ผมอยากชี้ให้เห็นคือว่า

ทุกวันนี้หลายคนเข้าใจผิดและคิดไปว่า Sound ที่ออกมาดีเพราะได้ผ่านการทำ Mastering แล้วทุกคนจึงให้ความสำคัญกับส่วนนี้ ซึ่งก็ไม่ผิดอีกแหล่ะครับ แต่ว่าองค์ประกอบของเสียงที่ดีในหนึ่งเพลง มันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้เท่านั้น มันมีขบวนการต่างๆมากมาย ที่เราควรใส่ใจให้มาก Mastering เป็นแค่ Process หนึ่งในขบวนการ Production เท่านั้น

อีกจุดที่สำคัญคือผมเห็นหลายๆคนทั้งน้องนุ่ง ผองเพื่อนผม พอซื้อคอมฯ ก็หาซื้อการ์ดเสียง แล้วก็บรรเลงบทเพลงแรกที่อยากแต่งมาทั้งชีวิต จากนั้นก็ลงมือปล้ำกับการผสมเสียงอยู่นาน นาน นาน นาน เสียจนมันไม่น่าฟังซะกะที ก็เลยมาคิดว่า "อ้อ! ที่แท้เรายังไม่ได้ทำ มาสเตอร์" นั่นไง! เห็นไหมครับ


"The best mastering requires the best mix"
"But not every mix requires the best mastering..."

แล้วก็เริ่มสรรค์หาขบวนการ อุปกรณ์ ขั้นตอน มาทำมาสเตอร์ให้จงได้ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมมักได้รับจากการพูดคุยและสอบถามว่า แท้ที่จริงแล้วการทำ Master คุณคิดว่ามันคืออะไร? และกว่า 80% คือ ทำให้มันดังเท่าแกรมมี่ ทำให้มันดังเท่าอาร์เอส แปลกดีครับ! ที่ Mastering แปลว่า ดังเท่าแกรมมี่ ดังเท่าอาร์เอส ผมคงต้องไปบอกฝรั่งให้มาศึกษางานจากสองค่ายนี้ละ 555+

ที่พูดอย่างนี้ผมไม่ได้หมายความว่าเพลงสองค่ายนี้ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวผมโดนพี่ๆที่รู้จักกันเตะเอา แต่สิ่งที่ผมกำลังพูดและเจตนาสื่อคือ ทำไมทุกคน (ส่วนใหญ่) เข้าใจว่าการทำ Mastering คือการทำให้มันดัง (ความดังเสียง) ก็ไม่ผิดครับเพราะมันดังขึ้นแน่ๆ แต่ทำไมไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องคุณภาพเสียงที่ควรได้หลังจากการทำ Mastering หรือแนวคิด หรือหลักการ ผมว่ามันต่างนะ ระหว่างดังแต่ด้อยคุณภาพ กับดังอย่างมีคุณภาพ

ให้ลองนึกถึงคนแหกปากตะโกน กับนักร้องเสียงดีที่เปล่งเสียงดังๆในท่อนพีค อู๊ยยยย! คนละรสชาติแน่นอนครับ และที่มากไปกว่านั้น ร้อยละเก้าสิบเก้า ของผู้ที่ทำเพลงหรือ Computer music ก็ยังไม่ชำนาญ ไม่แตกฉานการใช้งาน Equipment ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Dynamic processing ซึ่งถือเป็นหัวใจในการทำ Mastering

สรุปหากเพื่อนๆน้องๆหนูๆ คนไหนที่หากอยากลองทำ Mastering ด้วยตัวเองหรือ DIY Mastering แล้วหล่ะก็ไม่ผิดครับในเมื่อเราก็มีทรัพย์ยากรส่วนหนึ่งที่พร้อมจะให้เราลองทำ ลองเรียนรู้ แต่ที่อยากฝากไว้คือ ใจเย็นๆ ค่อยๆทำ ค่อยๆเรียนรู้ โดยเฉพาะควรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อุปกรณ์ ให้มากๆ ไปพร้อมๆกับการศึกษางานเพลง และฟังเพลงเยอะๆครับ

ถ้าผมทำได้ จงเชื่อว่าคุณก็ทำได้


ไม่มีความคิดเห็น: